วิกฤติไวรัสโคโรน่า “โควิท-19” ที่แพร่ระบาดทั่วโลกในขณะนี้ ยังหายาแผนปัจจุบันที่ป้องกันและรักษาโดยตรงไม่ได้ แต่ได้มีความพยายามที่จะนำยารักษาไข้หวัดใหญ่ เช่น โอเซลทาวิเวียรฺ (ทามิฟลู) กับยา โลพินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ที่เป็นยารักษาโรคเอดส์มาใช้ และเมื่อเร็วๆนี้ ทางมหาวิทยาลัยเทียนจิน ประเทศจีน ได้เสนอยา “เรมเดสสิเวียร์ Remdesivir” ที่เป็นยารักษาโรคอีโบล่า เข้ามาเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้พยายามค้นหาว่า ยา “เรมเดสสิเวียร์” มีส่วนประกอบอะไร แล้วพบว่า มีสาร “Saccharomyces cerevisae” ซึ่งเมื่อค้นต่อไปก็พบว่า เป็นส่วนประกอบของเชื้อราจุลินทรีย์ ยีสต์ โปรไบโอติค (Probiotics) มีชีวิต ที่ใช้ในการผลิต ไวน์ เบียร์ เหล้าวิสกี้ นมเปรี้ยว ถั่วเน่าไทยใหญ่ กะหล่ำปลีดองเยอรมัน ซุปเต้าเจี้ยวมิโสะญี่ปุ่น และ ผักดองกิมจิเกาหลี ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับ “แป้งข้าวหมาก อุ กระแช่ สาโท” ที่เป็นอาหารเครื่องดื่มพื้นเมืองโบราณของไทยนี่เอง “the vaccine uses Saccharomyces Cerevisiae (beer yeast fungus) to produce antibodies that aid fight the virus.” (https://www.plenglish.com/index.php?o=rn&id=52635&SEO=debate-in-china-about-oral-vaccine-against-covid-19
และ https://surathai.wordpress.com/2019/02/03/compare-thai-yeast/https://surathai.wordpress.com/2019/02/03/compare-thai-yeast/)
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสงสัยว่า ถ้าคนป่วยโรคไวรัสโคโรน่า ได้กินข้าวหมากหนึ่งห่อหลังอาหารปกติทุกมื้อ โดยกินยาที่หมอสั่งตามปกติ จะสามารถช่วยอะไรบ้างได้ไหม? จุลินทรีย์ โปรไบโอติกที่มีอยู่ในข้าวหมาก มีสรรพคุณเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ทำให้ไม่เป็นหวัดโดยง่าย ป้องกันและลดโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ และอาหารเป็นพิษ ช่วยย่อยอาหาร ยับยั้งเชื้อโรค ลดการอักเสบในร่างกาย รักษาโรคภูมิแพ้
ข้าวหมาก (Sweet fermented Rice) นั้น เป็นอาหารโบราณของคนเอเชีย ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า เพราะมีปรากฏในพระไตรปิฎก หมวดพระวินัย จุลวรรค ขันธะ ข้อ ๖๗ ระบุสิ่งของที่พระสงฆ์ต้องใช้มีดังนี้ “[๖๗] ใช้ขนไก่และไม้กลัดเย็บจีวร กล่องเข็ม แป้งข้าวหมาก ฝุ่นหิน ขี้ผึ้ง ” แสดงว่าแป้งข้าวหมากนั้น มีมาแต่สมัยพุทธกาล กว่าสองพันปีมาแล้ว และเหตุที่พระสงฆ์นำมาใช้ ก็เพราะเข็มเย็บผ้าในอดีตทำด้วยเหล็ก มีปัญหาสนิมเกาะกิน จึงต้องป้องกันโดยนำผงแป้งข้าวหมาก โรยไว้ในกล่องเข็ม
ข้าวหมาก เป็นขนมหวานที่เป็นที่นิยมของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณ หลายร้อยปีมาแล้ว เพราะทำให้แข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วย ผิวพรรณสวยงาม ทำจากข้าวเหนียวที่นำมาล้าง นึ่ง แล้วหมัก กับลูกแป้งข้าวหมาก เป็นเวลา 2-3 วัน เพื่อเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล แล้วยีสต์ Sacchacomyces sp. กับเชื้อรา Mucor sp., Amylomyces sp. หรือ Rhizopus oryze LP1 และ Pichia kudriavzevii LY1 ในลูกแป้งจะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็น เอททิลแอลกอฮอล์ ทำให้ มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ข้าวหมากสมัยก่อน จะห่อด้วยใบตองหรือใบบัว แต่ปัจจุบันนิยมใส่ถ้วยพลาสติก
ลูกแป้งหัวเชื้อข้าวหมาก ทำจากสมุนไพรที่บางอย่างมีฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์ได้ และเป็นอาหารของยีสต์ เช่น กระเทียม พริกไทย ข่า ขิง ชะเอม อบเชย ดีปลี บดละเอียด ผสมหัวเชื้อราและยีสต์จากลูกแป้งตัวเก่า เอามาโม่รวมกับแป้งข้าวเจ้าแล้วคลุกน้ำ ปั้นเป็นลูก เรียงใส่กระจาด ปิดด้วยผ้าขาวบางเก็บไว้ในตู้ที่มีอากาศถ่ายเทราวสองวัน ก็นำออกมาผึ่งแดดจนแห้ง แล้วนำไปบรรจุถุงหรือใส่ตู้เย็น เก็บไว้ได้นานๆ https://www.77kaoded.com/content/332316
มีการผลิตข้าวหมากและลูกแป้งข้าวหมากกระจายทั่วประเทศไทย เช่นที่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร สุโขทัย เพชรบูรณ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชลบุรี ตราด เพชรบุรี ราชบุรี(บ้านโป่ง) นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี อ่างทอง อยุธยา สระบุรี ลพบุรี นนทบุรี กรุงเทพฯ สุราษฏร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา (ปาดังเบซาร์) ยะลา
ในปัจจุบัน มีข้าวหมากขายในร้านเซเว่น และตลาดโบราณทั่วไป เช่นตลาดริมน้ำดอนหวาย หรืออาจสั่งซื้อออนไลน์ส่งทางไปรษณีย์ถึงบ้าน ดร. อาทร จันทวิมล
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 2540-2544